ทางเส้นเก่า
ฉันใช้เส้นทางใหม่ในการเดินกลับบ้านมาได้ร่วมสัปดาห์แล้ว
ฉันทำงานอยู่ย่านผ่านฟ้าลีลาศ และพักอาศัยอยู่ในย่านปิ่นเกล้า
เส้นทางที่ใช้เดินทางกลับบ้านประจำคือเดินลัดชุมชนวัดปรินายกไปจนถึงสะพานเฉลิมวันชาติ
จากนั้นเดินตามถนนพระสุเมรุไปจนถึงบางลำพู ตรงไปจนถึงถนนพระอาทิตย์ เดินเลียบพระอาทิตย์แล้วขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
จากปิ่นเกล้าตรงไปเรื่อยๆ ข้ามแยกอรุณอมรินทร์ แล้วก็จะถึงจุดหมายที่ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า
๑๙ ฉันใช้เส้นทางนี้เป็นประจำจนคุ้นเคยเป็นอย่างดี
รู้ว่าถนนช่วงไหนอันตรายช่วงไหนปลอดภัย ช่วงไหนควรเดินอย่างไร แยกไหนควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
ฉันใช้เส้นทางใหม่ในการเดินกลับบ้านมาได้ร่วมสัปดาห์แล้ว
ทางเส้นใหม่เริ่มจากเดินลัดเลาะจากถนนราชดำเนินนอกมาสู่เส้นพระราม ๘ จากนั้นเดินตรงไปเรื่อยๆ ผ่านสี่แยกใหญ่ๆราวสามแยกแล้วก็จะมาถึงตีนสะพานพระราม
๘ ในเวลาเพียง ๓๐-๔๐ นาที ข้อสรุปจากการลองเสี่ยงเดินบนทางใหม่นี้คือเส้นทางนี้เงียบเหงากกว่า
ไร้ความบันเทิงเริงรมย์อย่างที่จะพบได้ที่บางลำพูหรือท่าพระอาทิตย์
แต่บรรยากาศบนสะพานพระราม ๘ นั้นดีกว่าและปลอดภัยกว่าสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้ามาก ด้วยเหตุผลเล็กๆเพียงเท่านี้
ฉันตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้านตั้งแต่วันที่ได้ลองเดินขึ้นสะพานพระราม ๘
เป็นครั้งแรก
ที่จริงไม่ใช่ครั้งแรก, แต่มันคือครั้งที่ ๒ แล้ว
ที่ฉันได้เคยเดินขึ้นมาบนสะพานพระราม ๘
ครั้งแรกเกิดขึ้นราว ๖ ปีก่อน สมัยตัวเองยังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ครั้งแรกคือความประทับใจ หลังจากนั้นเมื่อผ่านมาย่านนี้คราวใดความทรงจำสมัยมัธยมปลายก็พรั่งพรู ต่อมาเมื่อวันเวลาผ่าน ได้มาทำงานและพักอาศัยในย่านนี้ ความหมายของพระราม ๘
ในใจจึงกลายเป็นเพียงทางผ่าน เช้าเย็นได้แต่เหลียวมองและตระหนักว่าเดินทางจากบ้านสู่ที่ทำงานหรือที่ทำงานกลับบ้านได้ครึ่งทางแล้ว
แต่ทว่าตอนนี้ เมื่อได้เปลี่ยนเส้นทางอีกครั้ง สะพานพระราม ๘
จึงไม่ได้กลายเป็นแค่ทางผ่านอีกต่อไป
สวนหลวงพระราม ๘
สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดฉันให้เริ่มเดินกลับบ้านด้วยเส้นทางใหม่คือสวนหลวงพระราม
๘ สวนสวยขนาดใหญ่ใต้สะพานฝั่งธนบุรี ที่นี่คือสถานที่ออกกำลังกายแห่งใหม่ที่ฉันเพิ่งค้นพบ
มีลู่วิ่งอย่างดีล้อมรอบสวน มีลานกว้างให้ออกกำลังกาย ลานลีลาศ ลานแอโรบิก ลานฟุตบอล
เก้าอี้ให้นั่งพัก เรียกว่าไม่ว่าจะไปตรงไหนก็มีกิจกรรมให้ออกกำลังกายได้ เหลียวมองไปรอบตัว ทั้งเด็กๆ หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ ต่างออกกำลังกายกันอย่างกระตือรือร้น
หลังจากเดินลงสะพานแล้ว ฉันจะเข้าไปเปลี่ยนกางเกงในห้องน้ำ
เอากระเป๋าฝากไว้ที่ป้อมยาม เตรียมอุปกรณ์ช่วยในการวิ่งอันได้แก่มือถือบรรจุเพลงจังหวะค่อนข้างเร็วและหูฟัง
เมื่อเริ่มก้าวเท้า จังหวะของเพลงจะทำให้เราก้าววิ่งได้เป็นจังหวะไปด้วย ฉันวิ่งสลับกับเดิน
เคลื่อนตัวไปตามฝูงชนที่มาวิ่ง หลายคนวิ่งแซงหน้า
หลายคนหยุดเดินให้แซงไปได้ง่ายดาย วันแรกๆฉันใช้วิธีโหมวิ่งจนเหนื่อยล้า
วันหลังๆเมื่อได้ศึกษาจากคนมาวิ่ง สังเกตการเคลื่อนไหวของแผ่นหลังและการเคลื่อนที่ของเท้าจึงพบว่าการวิ่งที่ดีไม่ใช่การโหมจนเหนื่อยหนัก
แต่คือการคุมจังหวะไม่ว่าจะเร็วหรือช้านั้นให้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายต่างหาก
ที่สำคัญที่สุด ยิ่งวิ่ง ฉันยิ่งเรียนรู้ว่าสิ่งที่เหนื่อยล้าได้ง่ายกว่าร่างกายคือจิตใจ
เมื่อใจท้อกายก็ล้าง่าย เมื่อใจสู้กายก็ยังไหว ชัยชนะสูงสุดของฉันจึงเป็นขณะที่ใจบอกว่าไม่ไหวแล้ว แต่ที่สุดยังฝืนก้าววิ่งต่อไปและก็ยังวิ่งต่อไปได้อีกไกล นี่เป็นชัยชนะเล็กๆที่ฉันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่มาก
วิ่งสู่อิสรภาพ
คนเรามาวิ่งเพราะอะไร ฉันถามตัวเองขณะวิ่งอยู่บนทางร่มรื่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ตะวันใกล้จะลาลับท้องฟ้าเต็มทีแล้ว มองดูผู้คนที่วิ่งผ่านหน้าไป หลายคนดูแข็งแรง
บ่งบอกว่าออกกำลังกายทุกวันจนเป็นเรื่องธรรมดา หลายคนดูออกว่าเป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มต้น
นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง รัก ๗ ปี ดี ๗ หน
ที่ตัวเอกในเรื่องวิ่งเพื่อลืมความทุกข์เศร้า
เพื่อให้เลิกจมจ่อมอยู่ในวันคืนเก่าๆที่ไม่หวนคืน พลางสงสัยว่าจะมีคนสักกี่คนที่นี่ใช้วิธีวิ่งเพื่อลบลืมสิ่งเดียวกันนี้บ้าง
ขณะยืนมองดูผู้คนเม็ดเหงื่อก็หลั่งไหล บางหยดกระเซ็นเข้าปากให้ได้รู้รส - ‘เค็ม’ คือรสของเหงื่อ
รสที่แปร่งปร่าไม่ต่างจากน้ำตา.. ระหว่างเหงื่อและน้ำตา
อย่างไหนที่คนเราคัดหลั่งออกมาจากร่างกายมากกว่ากัน ฉันไม่อาจรู้ได้ สิ่งเดียวที่รู้คือ
เมื่อได้ออกวิ่ง เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายจะถูกลมพัดพาให้ระเหิดหายไปได้
น้ำตาเองก็คงจะเหือดหายได้ด้วยวิธีเช่นนั้น
ปลายทาง – กิจวัตร
ฉันจะเลิกวิ่งเมื่อสวนเปิดไฟในลู่วิ่ง และสะพานพระราม ๘ อร่ามเรืองไปด้วยแสงไฟสีเหลือง
นั่งฟังเพลง มองผู้คน มองเรือ มองแม่น้ำสักพัก
แล้วจึงเดินทางกลับที่พักย่านปิ่นเกล้า จบการเดินทางกลับบ้านไปอีกหนึ่งวัน
เพื่อที่จะทำอย่างเดิมอีกในวันรุ่งขึ้น
เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า
เมื่อเราทำอะไรติดต่อกันได้ ๒๑ วัน เมื่อวันที่ ๒๒
มันจะกลายเป็นกิจวัตรที่เราขาดไม่ได้ หวังว่าการเริ่มต้นเปลี่ยนการเดินทางและการวิ่งทุกเย็นจะช่วยให้ฉันชำระสะสางสิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆทั้งทางร่างกายและจิตใจออกไปได้
และเมื่อถึงวันหนึ่งการเริ่มต้นจะกลายเป็นกิจวัตร
Patha V
I really like your blog this week na.
ReplyDeleteP' Tao :)
ขอบคุณค่าา :)
Deleteหวาย
จะรอชื่นชมย่างก้าวสู่วันที่ยี่สิบสองของแกนะ อิอิ
ReplyDeleteช่วงแรกเดินก่อนเยอะๆ แก อาทิตย์แรกๆ เน้นเดินอย่าวเดียวเลย
จากนั้นเปลี่ยนเป็นเดินสองนาที วิ่งสองนาที และอาทิตย์ต่อๆ ไปเพื่มเวลาในการวิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สลับเดิน เราจะรู้สึกสบาย ร่างกายจะปรับตัว เราจะไม่เหนื่อยกับการวิ่งจนเข็ดขยาดไม่อยากไปวิ่งอีก
ทำแบบนี้ไปเรื่อยประมาณสัปดาห์ที่ห้าเราก็จะวิ่งยาวได้ถึงสามสิบนาทีเลยโดยไม่เหนื่อยมากเพราะร่างกายปรับตัวได้แล้ว
อ้อ ดื่มน้ำทุกสิบห้านาทีด้วยนะ สำคัญมาก
(อดเป็นห่วงที่รักไม่ได้ พิมพ์ซะเยอะเลยตู)
เค้ามีตารางฝึกวิ่ง เดี๋ยวส่งให้ 55555555
สู้ๆ นะ
โอ้ว ขอบคุณมากแก อาทิตย์นี้ฉันติดภารกิจ ไม่ได้วิ่งเลยแฮะ แต่จะกลับไปวิ่งแล้วแหละ อยากได้ตารางจังเลยยย :)
Delete