Thursday, February 28, 2013

Coming Home (III)

วันนี้พี่จะมาเล่า(บ่น) ตามที่ได้ลงท้ายไว้ในบล๊อกที่แล้วว่าว่าจะมาเล่าเรื่องของ”บ้าน”ที่สังเกตเห็นกลังจากที่ไม่ได้กลับบ้านมานาน ขอเกริ่นไว้ก่อนว่า บางคนอาจจะว่ามาอยู่แค่สองปีไม่เห็นนานเลย แต่เพราะความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน(รุนแรง)ที่เห็น ทำให้รู้สึกว่าสองปีนั้นเป็นเวลาที่นานพอสมควรในความรู้สึกของพี่

ทริปนี้เป็นทริปกินของพี่อย่างจริงจัง เนื่องจากก่อนกลับว่าแผน ทำตารางอย่างดีว่าวันนี้จะไปไหน จะกินอะไร ดังนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของอาหารการกินบ้านเรานั้น พี่ไม่ขอบ่น เพราะว่าทุกครั้งที่กลับบ้าน พี่ได้กินแบบอื่มหนำมาก จนขนาดที่น้ำหนักขึ้นถึงห้ากิโลภายในสองอาทิตย์ เรื่องอาหารนั้นบ้านเราขึ้นชื่อ ประเทศไหนเมืองไหนก็สู้ไม่ได้ แต่เรื่องที่สังเกตได้ชัดคือราคาอาหาร รวมถึงค่าครองชีพอื่นๆขึ้นราคาเร็วมาก (โดยเฉพาะกรุงเทพฯ) เช่น ข้าวขาหมูร้านริมถนนทั่วไป จากที่เมื่อก่อนสามสิบห้าบาท ตอนนี้ขึ้นไปห้าสิบ หมูย่างไม้ละสิบบาท (ช่วยด้วย - -) สเวนเซ่นส์จากที่เมื่อสองปีที่แล้วไอศครีมลูกละสามสิบห้าบาท ตอนนี้ขึ้นไปแล้วที่ห้าสิบ แต่ถึงจะบ่น กลับไปบ้านสองอาทิตย์นี้ พี่เข้าสเวนเซ่นส์ไปสามรอบ เนื่องจากอยากกินบาสกิ้น-รอบบิ้นส์ แต่สู้ราคาลูกละเก้าสิบไม่ไหว (ช่วยด้วยยย) เวลาออกไปไหนแบ๊งร้อย แบ๊งห้าร้อยหายไปเร็วมาก ยังสงสัยอยู่ ว่าคนหาเช้ากินค่ำ เค้าจะมีเงินเหลือเก็บในแต่ละเดือนมั้ยนะ


Rachaburi, Thailand - February, 2013 


อีกเรื่องที่เห็นได้ชัดคือตึกสูงและการจราจร บ้านพี่ที่อยู่นั้นเป็นย่านชานเมืองของกรุงเทพ แต่ในเวลาแค่สองปี เมืองก็ขยายออกมาหาจนเห็นได้ชัด มีตึกเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมขึ้นมากมายตามเมืองที่ขยายออกมา คนที่ลำบากคือในพื้นที่ ที่อยู่มานาน มีบ้านมีสนาม ตอนนี้กลับมีตึกสูงระฟ้าขึ้นมาเหมือนกำแพง บังท้องฟ้า บังลมไปหมด ถ้าควบคุมกันไม่ดีต่อไปกรุงเทพคงมีแต่ตึก รถไฟฟ้า ทางด่วน คงไม่ต้องเห็นท้องฟ้ากันแล้ว

นอกจากเป็นทริปกินแล้วการกลับบ้านครั้งนี้ก็เป็นทริปชาร์ตพลังกายและใจ ถึงหลายๆอย่างจะเปลี่ยน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยคือครอบครัวและเพื่อน :) ความรู้สึกที่ทุกคนให้มายังเหมือนเดิม ได้รับทั้งความรัก ความห่วงใยมากสุดๆในรอบหลายปี เพื่อนบอกว่า “ได้เจอกันเหมือนฝันไป” (มันเน่ามาก แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ) เวลาพี่อยู่กับแม่ แม่พี่ก็พูดไม่หยุด พี่ก็ทำหน้าที่ลูกที่ดี เดินตามแม่ต้อยๆไปรอบบ้านเพื่อไปฟังแม่พูด พี่สังเกตได้ว่าแม่เหงา แต่แม่ก็ยังปากแข็ง บอกว่า “ไม่เหงาหรอก อยู่คนเดียวจนชินแล้ว” … ก็เพราะครอบครัวและเพื่อนเนี่ยแหละ ที่ทำให้พี่เริ่มคิดถึงบ้านทั้งๆยังไม่ได้ออกจากไทย

พี่ตั้งใจไว้แล้วว่ากลับมาอเมริการอบนี้ พี่จะไม่ร้องไห้ แต่พอตอนพ่อกับแม่ไปส่งที่สนามบิน พี่ก็อดไม่ได้ ร้องไห้เป็นเด็กๆ ทั้งๆที่จากบ้านไปตั้งหลายรอบแล้วแต่ก็ทำใจไม่ได้ บอกแม่ว่าไม่อยากกลับ กลับไปก็ต้องอยู่คนเดียว (เป็นประโยคที่งี่เง่าที่สุดที่บอกแม่ไปตอนนั้น) ถึงพี่จะบ่นเรื่องนู่นเรื่องนี่ แต่ตอนนี้ก็ยังถามตัวเองอยู่ว่าถ้าไม่ใช่เพราะไม่อยากทิ้งโอกาส เรื่องประสบการณ์และอยากเก็บเงินไปคืนพ่อ มันคุ้มมั้ยที่เราจะต้องมาใช้ชีวิต ห่างเพื่อน ห่างบ้าน ห่างครอบครัวอย่างนี้...


เป็นคำถามที่หาคำตอบยากจริงๆ..



Mellow tiger.. 





Denver, CO - February, 2013

ภายุหิมะที่มาต้อนรับตอนถึงเดนเวอร์ .. กลับร้อนที่บ้านดีกว่ามะ ^^"

0 comments:

Post a Comment