Tuesday, April 23, 2013

ก้าวแรกแห่งการออกเดิน บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย



ก้าวแรกแห่งการออกเดิน 
บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย


วันนี้
๒๓ เมษายน ๒๕๕๖
ฉันกลายเป็นคนที่มีอักษรย่อต่อท้ายชื่อว่า "นทร.(สกอ.)"

ชีวิตฉันจะเปลี่ยนไปตลอดกาลหลังจากนี้
ด้วยความเต็มใจของฉันเอง
ใช่, ด้วยความเต็มใจของฉันเอง

ในโอกาสพิเศษอย่างนี้
ฉันกลับไปหาเพื่อนเก่า บอกข่าวดีให้เธอได้รู้
เธอไม่ได้ยินดีกับฉัน
หากแต่ตอกกลับฉันด้วยความจริงอันเจ็บปวด
ที่ว่า
ไม่ว่าฉันจะวิ่งหนีอย่างไร
ฉันก็ไม่อาจวิ่งหนีใจของตัวเองได้พ้น

ฉันหวังให้นี่เป็นก้าวแรกที่ฉันเริ่มออกเดิน
ไม่ใช่เดินเพื่อหนีตัวเอง
แต่เดินเพื่อรู้จักตัวเองให้มากขึ้น มากขึ้น
และสุดท้ายเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่กับความคิดจิตใจตัวเองให้ได้
ไม่ว่าความคำนึงเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่เราอยากถ่ายถอนออกจากตัวมากเพียงใด

วันนี้นอกจากจะเป็นวันดี วันที่ฉันได้เปลี่ยนสถานะอย่างสมบูรณ์แบบ
ยังเป็นโอกาสพิเศษที่ได้พบศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.เจตนา นาควัชระ
นักอักษรศาสตร์และนักอะไรอีกหลายๆอย่างที่ฉันเคารพนับถือ
พบกันวันนี้ ฉันรู้แล้วว่าคนมีปัญญานั้นเป็นแสงสว่างในโลกนี้อย่างไร

ไม่ใช่ชื่อเสียง ไม่ใช่ความภาคภูมิ ไม่ใช่ใบปริญญา
แต่ "a chance to grow up" คือสิ่งที่เราจะได้จากความเหนื่อยยากหลังจากนี้
อาจารย์บอกว่า การศึกษาคือการแสวงหา ส่วนหนึ่งมาจากการแนะนำของครู
อีกส่วนหนึ่งคือเราต้องค้นหาเอง
แล้วสุดท้ายสิ่งที่เราจะได้ค้นพบก็คือตัวเองนั่นแหละ
เมื่อได้ค้นพบตัวเองแล้วก็จะเริ่มค้นพบสิ่งที่อยู่ในโลกภายนอก

อาจารย์พูดอะไรอีกหลายอย่าง
ประโยคหนึ่งของอาจารย์ที่ฉันจำขึ้นใจคือ
"เรียนวรรณคดีเถอะ วรรณคดีเป็นวิชาเดียวที่คุณนอนเรียนได้!"

สัญญา, เบนเข็มครั้งนี้จะไม่ทิ้งวรรณคดี
จะไม่ทิ้งการอ่านการเขียน
นี่เป็นโลกมหัศจรรย์อีกใบที่ฉันรู้ว่าฉันไม่มีวันหนีพ้น
และก็แน่ล่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องหนี

ฉันเติบโตมากับวรรณกรรม ฉันร่ำเรียนวรรณคดี
ฉันอ่าน ฉันเขียน ฉันหลงรักตัวอักษรของผู้คน
ทั้งผู้ที่รู้จักกันเพียงผ่านหน้ากระดาษ ทั้งผู้ที่โลดแล่นอยู่ในชีวิตจริง
ทั้งหมดทั้งมวลคือสิ่งที่หลอมรวมกันเป็นฉันในวันนี้
เพียงแต่ตอนนี้ต้องเลือกเดินหน้าไปกับอีกเส้นทางที่โอกาสเอื้อกว่าเท่านั้น

วันนี้
๒๓ เมษายน ๒๕๕๖
ฉันตัดสินใจพาตัวเองเข้าสู่ศาสตร์ด้านคติชนวิทยา
ร่ำเรียนห้าปี กลับมาสอนสิบปี
อย่างน้อยๆชีวิตในอีกสิบห้าปีหลังจากนี้จะต้องอุทิศให้งานด้านนี้อย่างจริงจัง
นี่คือทางที่ฉันเลือกแล้ว ทำได้เพียงเดินหน้า หันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว

แม้จะต้องเดินทางไกล แต่นี่ไม่ใช่การหนี
ฉันยังคงตัดสินใจทุกสิ่งจากหัวใจ
ฉันเลือกไปเพราะสนใจคติชนวิทยา สนุกกับการศึกษาความคิดและชีวิตของผู้คน
ส่วนการเดินทางไกลเพื่อเปิดหัวใจให้กว้างนั้น ฉันเรียกมันว่าผลพลอยได้

และที่สุดแล้ว
ฉันเลือกคติชนวิทยา ใช่ว่าฉันหมดรักวรรณคดี
ฉันเพียงแต่เลือกสิ่งที่เป็นจริงกว่าเท่านั้น



Patha V

2 comments:

  1. ใช่แล้ว.. อาจารย์เจตนานี่แหละที่เคยพูดว่า ... ศิลปะส่องทางให้แก่กัน..
    ไม่ว่าจะเป็นวรรณคดี หรือคติชน ก็ส่องทางให้แก่กันได้
    วรรณกรรมหลายชิ้นก็มีรากเหง้ามาจากคติชน เท่าที่นึกได้คือ 100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว และ น้ำพุแห่งความขมขื่น

    ReplyDelete