Tuesday, March 12, 2013

To Nakhon Phanom With Love (4)


ได้เจอคนดีๆ 
ก็ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ


To Nakhon Phanom With Love (4)

: คนดีๆและเรื่องราวดีๆที่ "บ้านลุงโฮ" 





 จะว่าไปแล้ว "บ้านลุงโฮ" ก็เป็นสถานที่ที่นำเราเดินทางไกลมาถึงที่นี่... นครพนม

ก่อนตัดสินใจเลือกนครพนมเป็นจุดหมายปลายทาง เราลองลิสต์สถานที่เทียวในจังหวัดนี้กับจังหวัดคู่แข่่งว่ามีอะไรน่าสนใจ แต่แล้วด้วยคำโฆษณาของเพื่อนสาวที่บอกว่า "ที่นี่เป็นถึงบ้านพักของลุงโฮจิมินห์เชียวนะ" ทำให้เราตัดสินใจตัดใจจากจังหวัดคู่แข่ง และเดินทางมาที่นี่

วันที่สองในนครพนม หลังจากกินข้าวเปียกเส้นหรือก๋วยจั๊บญวนกันจนอิ่มท้องและอิ่มใจ เราตัดสินใจโบกรถตุ๊กๆในตัวเมืองให้ไปส่งยังบ้านลุงโฮ ซึ่งห่างจากตัวเมืองออกไปไกลมากพอสมควร ก็ได้พี่คนหนึ่งพาเราไปส่ง


พี่คนใจดีของเรา


แรกทีเดียวพี่คิดเราสามคนในราคาเหมาหนึ่งร้อยบาท เราสุุดจะโอเคกับราคานี้ พยักหน้าหงึกหงักและกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถตุ๊กๆของพี่อย่างไม่รอช้า คุยไปคุยมาพี่ก็มาเฉลยว่าจริงๆแล้วพี่ไม่ได้เป็นคนขับรถรับจ้างนะ พี่ทำงานอยู่เทศบาลแต่ว่าว่าง เลิกงานพอดี เห็นน้องโบกเรียกพี่ก็เลยหาอะไรทำแก้ว่างหน่อย บ้านลุงโฮนี่พี่ไม่เคยเข้ามาเลย ก็อยากเข้ามาดูเหมือนกัน ซะอย่างนั้น ฮ่าๆๆ

คุยกันไปคุยกันมา หนทางเริ่มไกลและเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าแล้วหลังจากเที่ยวบ้านลุงโฮเสร็จ เราคงต้องเดินออกมายังถนนใหญ่อีกไกลและค่อนข้างอันตราย พี่ใจดีเลยอาสาอยู่รอเราแล้วรับเรากลับเข้าไปในเมือง "ไม่เป็นไร ไปเที่ยวเลย เดี๋ยวพี่รอ ไม่คิดเงินเพิ่ม" พี่พูดทำนองนี้ เราย้ำว่าเราอาจจะเข้าไปนานหน่อยนะคะ พี่ก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไปเลยๆๆ ไปเที่ยว ยิ่งทำให้เราซาบซึ้งใจหนักเข้าไปอีก

ไปถึงบ้านลุงโฮ เราพบว่าที่นี่คือสวรรค์ย่อมๆนี่เอง








แปลงผัก แปลงดอกไม้หน้าทางเข้าทำให้เราหลงตะลึงราวกับอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ อาจจะไม่เว่อร์ขนาดนั้น แต่ด้วยสถานที่ บรรยากาศ และอะไรหลายๆอย่างทำให้เรารู้สึกว่านี่ล่ะ คือสวรรค์เล็กๆที่อยู่บนดิน

บ้านลุงโฮเป็นบ้านเล็กๆหนึ่งหลัง เป็นบ้านที่โฮจิมินห์เคยลี้ภัยทางการเมืองมาอยู่ ตอนนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ร่วมมือกันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านลุงโฮ เก็บของเก่าอันได้แก่ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆสมัยที่ลุงโฮเคยใช้เอาไว้ในบ้าน พร้อมประวัติลุงโฮนิดหน่อยพอให้เราได้ความรู้

จากตัวบ้านลุงโฮ เราเดินเข้าไปยังบ้านข้างหลัง เป็นบ้านของชาวบ้านที่ดูแลพิพิธภัณฑ์ที่นี่อยู่ ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้กือบทั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม แต่พูดไทยรู้เรื่องเพราะเป็นรุ่นลูรกรุ่นหลานเวียดนามอพยพ ได้เข้ามาใช้ชีวิตในประเทศไทยมานานแล้ว ก็ได้คุยกับคนน่ารักอีกหลายคนทีเดียว พร้อมกับซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปฝากใครต่อใครด้วย






เราเดินเล่น ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันอยู่พักใหญ่ (ใหญ่มาก) จนเกรงใจพี่คนขับรถใจดี เลยรีบกลับออกไป พี่เขาก็ยังรอเราอยู่ที่เดิม แถมยังอาสาพาเราไปเที่ยวที่อื่นต่อ อันได้แก่พิพิธภัณฑ์ปลาน้ำโขง แล้วก็พาเราไปส่งที่สวนสาธารณะที่เป็นเรือนจำเก่าในเมืองโดยไม่คิดตังค์เพิ่มเลย แล้วยังแนะนำร้านส้มตำร้านอร่อยให้อีกแน่ะ! ก่อนจากกัน พี่ใจดีบอกว่า แย่จังที่ไม่ได้อาบน้ำมา นี่ถ้าพี่อาบน้ำสะอาดๆมาแล้ว จะพาไปเที่ยวต่อให้ทั้งวันเลย ฮาๆๆ น่ารักและใจดีขนาดนี้ เอาใจพวกหนูไปเลย :)

การเดินทางวันที่สองในนครพนมจึงเป็นวันที่ดีมาก นอกจากจะได้เจอสถานที่ดีๆแล้ว ยังได้เจอคนดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่มากๆอีกด้วย!


Patha V

0 comments:

Post a Comment