Thursday, March 21, 2013

Getting a Job (II)


แล้ววันนัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ก็มาถึง...

ก่อนถึงเวลาสัมภาษณ์พี่ได้เตรียมเอกสาร คำถามคำตอบที่เตรียมไว้ พร้อมด้วยหนังสือเรียน เผื่อเค้าจะถามคำถามเกี่ยวกับที่เรียนมา(ซึ่งตอนนั้นพี่ยอมรับเลยว่ากลัวที่สุด เพราะงานที่สมัครไปถึงแม้จะเป็นทางด้าน IT เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ตรงสายที่เรียนมากนัก) ตอนที่โทรศัพท์ดัง เหมือนหัวใจพี่ตกไปที่พื้น ตื่นเต้นสุดๆ แต่ยังดีที่คนสัมภาษณ์ให้ความเป็นกันเองมาก และพูดอย่างช้าๆชัดๆให้พี่ได้เข้าใจ ไม่มีการถามคำถามทางวิชาการทั้งสิ้น(โล่งอก)

วันต่อมาได้รับโทรศัพท์จากผู้สัมภาษณ์ว่า เราเป็นหนึ่งในสามที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย (ยังกับประกวดนางงาม) ให้เข้าไปสัมภาษณ์ที่บริษัทในอาทิตย์ต่อมา ตอนนั้นบอกกับตัวเองว่าขอสู้สุดตัว โดยใช้เวลาก่อนการสัมภาษณ์ทั้งหมดเตรียมอ่านหนังสือ ฝีกเขียนโค้ดอย่างเต็มที่ อีกเรื่องที่ต้องห่วงคือเสื้อผ้า สำหรับผู้ชายคงเป็นเรื่องง่าย  เพราะสามารถใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงแสล็คไปได้ แต่สำหรับผู้หญิง ก็ต้องมานั่งคิดว่า กระโปรงดีมั้ย หรือว่ากางเกง แล้วใส่สูทด้วยรึเปล่า ทรงผม แต่งหน้า โอ๊ยสารพัดมากๆ แล้วยิ่งเพิ่มความยากลำบากไปอีก ตรงที่ตำแหน่งที่พี่สมัครเป็นไอที ซึ่งเป็นแผนกที่แต่งกาย business casual (ซึ่งเป็นคำถามที่พี่เตรียมไปถามเค้าทางโทรศัพท์เรื่องวัฒนธรรมบริษัท) ยกตัวอย่างเช่น ในวันทำงานผู้ชายจะใส่กางเกงยีนส์และเสื้อโปโลคอปก เป็นต้น มีเรื่องเล่าว่าบางบริษัทอย่างเช่น Google ถ้าใครไปสัมภาษณ์แล้วใส่สูท ผูกไทด์ อาจมีโอกาสได้งานน้อยกว่าคนที่แต่งตัวสบายๆไปสัมภาษณ์ เพราะไม่เข้ากับวัฒนธรรมบริษัทนั่นเอง (ไปสัมภาษณ์ที่ Google ต้องมีการสอบวัด I.Q. กันด้วยนะ) พี่ใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้นานหลายวันแล้วจึงสรุปว่า จะใส่เป็นกางเกงแสล็ค เสื้อสายเดี่ยว(น่ารักๆ) เพื่อไม่ให้ดูเป็นทางการเกินไป แล้วใสเสื้อสูทลำลองทับอีกตัวนึง

ก่อนไปถึงวันสัมภาษณ์ เราก็ควรศึกษาเส้นทางให้ละเอียด โดยเฉพาะคนที่ไม่มีรถส่วนตัว ว่าต้องนั่งรถไฟ หรือรถประจำทางสายไหน สำหรับชาวอเมริกันนั้นเรื่องการตรงเวลาสำคัญมาก ดังนั้นเราไม่ควรไปสายเด็ดขาด! ควรไปถึงก่อนซักห้าถึงสิบนาที ที่พี่บอกให้เผื่อๆไว้ อันนี้โดยเฉพาะสาวๆ จะได้มีเวลาเข้าห้องน้ำดูความเรียบร้อยของหน้าตาและเครื่องแต่งกายกันนิดนึง อ้อ แถมอีกเรื่อง ก่อนไปสัมภาษณ์นั้น เราก็ควรทำรีเซิชเรื่องบริษัทและผู้สัมภาษณ์เล็กน้อย เช่น บริษัทที่ทำนั้นผลิตภัณฑ์คืออะไร ผู้สัมภาษณ์หรือว่าที่เข้านายนั้นหน้าตาเป็นยังไง :) ตรงนี้มีทริค(อีกแล้ว) ว่านอกจากจะหาจาก Google แล้ว ให้เข้าไปที่เว็บ LinkdIn ซึ่งเป็นเว็บที่นี่เค้ามีไว้ในการหางาน โดยเราสามารถสร้างเพจใส่ข้อมูล และทิ้งเรซูเม่เราไว้ และยังสามารถ add connection เช่น เราอาจอยากจะทำบริษัทนั้น แล้วบังเอิญเพื่อนเรามี connection กับเพื่อนอีกคนในบริษัทนั้น ทำให้เราสามารถ refer งานได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

วันที่ไปสัมภาษณ์ พี่หวั่นใจสุดๆ เนื่องจากกลัวว่าเค้าจะให้เราลองเขียนโค้ดหรือแก้โจทย์โปรแกรมต่างๆ ความตื่นเต้นนั้นเพิ่มถึงขีดสุด เมื่อพอเดินไปถึงห้องสัมถาษณ์ มีคนมาสัมภาษณ์พี่ถึงห้าคน! ขออีกที ห้าคน! แต่ความกังวลและความตื่นเต้นก็ลดลง เมื่อทุกคนเริ่มแนะนำตัวและมีการพูดคุยกัน ทุกครั้งที่พี่ไปสัมภาษณ์งาน พี่จะพยายามขายตัวเองสุดๆ โดยการไม่หลบตาและยิ้ม พี่ว่าถ้าเรามีความมั่นใจ มันก็จะออกมากับบุคลิกและสร้างความมั่นใจให้เค้าเห็น และก็ต้องตอบคำถามอย่างฉลาด เช่น เค้าถามพี่ว่า ให้บอกข้อดีข้อเสียของเรา พี่บอกว่า พี่เป็นคนเข้ากับคนง่าย เมื่อก่อนตอนเป็นวิศวะ พี่เป็นหัวหน้าห้องและสามารถทำงานร่วมกับผู้ชายหลายร้อยคนได้อย่างดี (ฟังดูบึกบึนมาก) ที่ตอบอย่างนี้ พี่ต้องการให้เค้าเห็นว่า "เห็นมั้ยจ๊ะ ถึงชั้นเป็นสาวเอเชียตัวเล็กๆ แต่ชั้นก็ไม่กลัวที่จะเป็นหญิงเดียวในทีมโปรแกรมเมอร์ และสามารถทำงานกับพวกคุณได้อย่างดี" :)

ก่อนจบ พี่ก็มีการตบท้ายไปว่า ถึงพี่จะไม่ได้เรียนตรงสายและศึกษาความรู้ด้วยตัวเอง แต่พี่ก็มีความพยายามและขยัน ซึ่งถ้าพี่ได้งานนี้แล้ว พี่จะพยายามเรียนรู้และทำงานให้อย่างดีที่สุด...

อย่างที่พี่บอกไปแล้ว ว่างานนี้พี่ทุ่มสุดตัว :)



Mellow tiger..

0 comments:

Post a Comment