Thursday, March 7, 2013

Getting a Job (I)


กลับไทยไปรอบนี้ พี่ได้หิ้วคีบอร์ดภาษาไทยกลับมาใช้ที่ทำงานด้วย บล๊อกหน้านี้จึงเกิดขึ้นระหว่างการอู้งานนั่นเอง :)

พี่ว่าตัวเองโชคดีมาก ที่ได้โอกาสทำงานที่นี่ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆและได้โอกาสเก็บเงินคืนพ่อกับแม่หลังเรียนจบ การหางานที่นี่นั้นจะว่ายากมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสาขาที่เรียน เช่น ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และวิศวกรรมก็จะหางานง่ายกว่านักเรียนบริหาร แต่ก็ต้องขึ้นกับรัฐที่เราอยู่ด้วย ด้านการตลาด ก็อาจจะหางานได้ง่ายกว่าในเมืองใหญ่ๆ ที่พี่ไม่ได้บอกว่า “ยากหรือง่าย” แต่ใช้คำว่า “ยากมากหรือน้อย” นั้นเพราะการหางานทำที่อเมริกาของเด็กต่างชาตินั้นซับซ้อนซ่อนเงื่อน (จริงๆ) ทั้งเรื่องกฎกติกา, วีซ่า, work permit แล้วยังก็ต้องต่อสู้ฝ่าฟันกับคู่ต่อสู้เจ้าของภาษาที่ได้เปรียบกว่าเราๆอีกด้วย

พี่จบมาทางด้าน Information Systems ถ้าจะให้อธิบายอย่างคร่าวๆ Information Systems ก็คือการบริหารและจัดการข้อมูลทางด้านสารสนเทศ เราจะไม่เรียนด้าน IT ลงลึกเท่านักเรียน Computer Science หรือ Computer Engineering แต่ก็เรียนอย่างคร่าวๆ ว่าเราจะต้องจัดการข้อมูลยังไงโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะมันเป็นวิชาที่กึ่งๆบริหาร กึ่งๆ IT วิชาที่พี่เรียนนั้นก็เลยออกแนวรวมๆสองสาขา คือต้องเรียน Finance, Marketing และก็ต้องเรียน Database, Network อย่างคร่าวๆด้วย... ตรงนี้ไม่เกี่ยว แต่เนื่องจากเพิ่งได้คุยกับ Contributor บล๊อกวันอาทิตย์ The Sounds and the scenes ซึ่งเค้าต้องไปอบรม CRM แล้วตัวเค้าเองก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร CRM หรือ Customer Relationship Management นี่ก็เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับพี่เรียน (แต่พี่ไม่ได้ลง 55) คือ เป็นเรื่องที่เริ่มตั้งแต่เราจะควรจะเก็บข้อมูลลูกค้ายังไง วิเคราะห์ ประมวลผล และ นำมาใช้ยังไงให้ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าและบริษัท

พี่เริ่มฝึกงานช่วง Summer ปี 2012 และก็เป็นเทอมสุดท้ายก่อนจบที่พี่ต้องเรียนอีกแค่วิชาเดียว ถึงแม้การที่พี่เรียนสาขาเกี่ยวข้องกับ IT และยังอยู่ใน Denver ซึ่งตอนนี้งานด้าน IT กำลังบูมสุดๆ ทำให้พี่หางานได้ยากน้อยกว่าคนอื่นเค้านิดหน่อย แต่ขนาดว่ายากน้อยแล้ว ก็ยังหนักหนาสาหัส ช่วงตอนหาที่ฝึกงานนั้นก็ถึงขนาดถอดใจ กลับบ้านดีกว่า ฉันมานั่งเหนื่อยอะไรที่นี่ :( ส่งใบสมัครไปหลายที่มากทั้งทางเว็บมหาลัย ทั้งบอร์ดทำงาน ไม่มีที่ไหนตอบมาซักที่ ช่วงใกล้ถอดใจก็ได้รับการตอบกลับจากบริษัทหนึ่งที่ชื่อไม่ค่อยคุ้ย พี่หาข้อมูลรับสมัครเด็กฝึกงานของบริษัทนี้ได้จากการเซิช Google เค้าได้นัดสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในวันถัดมา

การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์นั้นคงเป็นเรื่องง่ายของคนที่มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับนักเรียนต่างชาติ คิดดูสิ คุยแบบไม่เห็นหน้า มองไม่เห็นปาก ก็เดายากแล้วว่าเค้าพูดว่าอะไร แล้วยังต้องกังวลอีกว่าเค้าจะฟังสำเนียงเราออกมั้ยนะ น้ำเสียง แกรมม่า คำศัทพ์เราจะดูฉลาดรึเปล่า โอ๊ยย สารพัดเรื่องมาก ก่อนหน้าวันสัมภาษณ์พี่ก็ทำการบ้านหนักหน่อย โดยพยายามลิสต์คำถามที่คิดว่าเค้าน่าจะถามกัน เช่น การแนะนำตัว ความสามารถของเรา ทำไมถึงอยากทำในตำแหน่งนั้น แล้วพี่ก็เขียนคำตอบ เหมือนที่เขียนเรียงความส่งอาจารย์นั่นแหละ แต่เขียนแบบเป็นทางการน้อยหน่อย แล้วฝึกพูดคำตอบพวกนั้น ปากและลิ้นเราจะได้ชินกับคำศัพท์ที่อาจจะไม่ได้ใช้บ่อย นอกจากคำตอบที่เราต้องเตรียมแล้ว พี่ก็ได้เตียมคำถามไว้ถามเค้าด้วย อันนี้เป็นทิปควรจำเลย เพราะว่าเราจะได้แสดงให้เค้ารู้ว่า เรามีการหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและให้ความสำคัญกับตำแหน่งที่สมัคร คำถามที่ควรถาม เช่น วัฒนธรรมบริษัทเป็นอย่างไร ถ้าได้รับงานควรจะเตรียมความรู้ด้านไหนเป็นพิเศษ เป็นต้น

เริ่มยาวแล้ว มาต่อครั้งหน้าเนอะ :)


Mellow tiger..



ปล. หลังจากที่เขียนเรื่องนี้ได้ พี่เพิ่งนึกได้ ว่าพี่ควรเขียนเรื่องการเข้าเรียนก่อนการสมัครงาน 55 ขอเก็บไว้เป็นหัวข้อต่อไปละกัน :)



0 comments:

Post a Comment