Tuesday, September 23, 2014

A walk to remember



คืนวันอังคารที่แล้วกิ๊ฟโทรมาชวนไปลองจิบกาแฟร้านใหม่ เพื่อนของกิ๊ฟเล่าให้ฟังว่ามีร้านกาแฟแถวสถานีรถไฟ Auburn คนซื้อเยอะ รสชาติดี เปิดเช้าตรู่และปิดตอนสิบโมงเช้า ฟังดูน่าสนใจตรงที่เปิดปิดเร็วนี่แหละ กิ๊ฟบอกว่าสงสัยคนขายกลัวรวย เช้าวันพุธเรากับกิ๊ฟเลยนัดกันว่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อเดินไปชิมกาแฟเจ้าที่เขาว่ากันว่าอร่อยเจ้านี้นี่แหละ

Auburn คืออีกหนึ่งเขตชานเมืองของ Melbourne ที่เต็มไปด้วยชาวแขกหลายชาติ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ปากีสถาน อิรัก และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทำให้ราคาที่พักแถวนี้ไม่ถึงกับโหดร้าย แต่เนื่องด้วยเป็นย่านเล็กๆ ที่ยังไม่เจริญมากนักจึงทำให้รู้สึกเปลี่ยวในเวลากลางคืน 

ไม่ถึง 15 นาทีเราก็เดินจากบ้านถึงร้านกาแฟที่ว่า เราถึงบางอ้อว่าทำไมเขาถึงเปิดและปิดเร็ว เพราะร้านที่เราเห็นคือร้านกาแฟรถเข็นที่แฝงตัวอยู่ใต้สถานทีรถไฟ เราสั่ง latte no sugar ตามปกติ คุณลุงคนขายยิ้มแย้มเป็นกันเอง แต่ราคา $4 นี่ดูไม่ค่อยเป็นกันเองเท่าไหร่ถ้าเทียบกับปริมาณและรสชาติ บางทีเรื่องเครื่องดื่มอาหารการกินพวกนี้ก็อยู่ที่รสนิยมของแต่ละคนจริงๆ ถึงแม้กาแฟจะไม่เปรี้ยวแต่สำหรับเราร้านนี้ไม่ผ่าน

เมื่อกาแฟอยู่ในมือ อากาศยามเช้าก็ดี เราก็ไม่ลังเลที่จะชวนกิ๊ฟเดินเล่นไปตาม Auburn Road ซึ่งทำให้เรารู้ว่าย่านนี้นี่เล็กจริงๆ เดินวนไปวนมาอยู่ 2 รอบ กิ๊ฟจึงชวนเดินเลาะไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ในระแวกนั้นเพื่อหาบ้านเพื่อนเวียดนามที่กิ๊ฟอาจจะย้ายมาอยู่ด้วยปีหน้า

เรารักการเดิน ทุกครั้งที่เราออกเดินทางเราแทบไม่เสียค่าเดินทางให้กับขนส่งมวลชนในตัวเมืองต่างๆ เลย เพราะการเดินเท้าทำให้เราเห็นสิ่งเล็กๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ตามมุมเมือง แม้จะช้า แม้จะเหนื่อย แต่ทุกครั้งที่เราออกเดินเราก็ได้เรียนและรับรู้เรื่องราวดีๆ กลับมาเสมอ

การเดินในเช้าวันพุธที่ผ่านมาก็เช่นกัน ถ้าเราเลือกกลับบ้านหรือนั่งคุยกับกิ๊ฟที่ไหนสักที่เราคงไม่รู้ว่าย่านเล็กๆ แห่งนี้รายล้อมไปด้วยบ้านสวยๆ และน่ารักมากมาย ตัวบ้านส่วนใหญ่แถวนี้ทาสีขาว รั้วก็สีขาว ถ้าเป็นอิฐก็จะสร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Hawthorn Brick ซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อของสถาปัตยกรรมในย่านที่เราอยู่ 

3 ชั่วโมงกับการเดินช้าๆ เอื่อยๆ ไปกับกิ๊ฟทำให้เราได้เรียนรู้นิสัยใจคอเพื่อนคนนี้ไปอีกขั้น เราเชื่อเสมอว่ามิตรภาพต้องใช้วันเวลาในการงอกเงย และเมื่อมันเริ่มแผ่กิ่งก้านผลใบแล้วมันก็ยังต้องใช้เวลาในการดูแลและประคับประครองไปเรื่อยๆ เรารู้จักกิ๊ฟเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว นับคำได้ที่คุยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเรียน ต่างคนต่างเรียนจบ มาได้คุยกันอีกทีใน Facebook และก็สานสัมพันธภาพกันมาเรื่อยๆ สำหรับเรากิ๊ฟไม่ใช่เพื่อนสนิท เราต่างชอบและสนใจกันคนละแบบ แต่คงเป็นเพราะมันเป็นความต่างที่ต่างคนต่างให้เกียรติและยอมรับซึ่งกันและกัน วันนี้เราพูดได้เต็มปากว่ากิ๊ฟเป็นเพื่อนอีกหนึ่งคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ
"เราถามหน่อยสิว่าทำไมเธอถึงมาเรียนที่มหาลัยนี้"
"เอาจริงๆ แล้วก็เพราะกิ๊ฟอยู่ที่นี่ไง"


That Original Frippo

0 comments:

Post a Comment